คำว่า IC Plain และ IC Complex จะมีผลบังคับใช้ในปี 2561 นะครับ แต่ก่อนอื่นผมขออนุญาตเล่าถึงใบอนุญาตผู้แนะนำการลงทุน (IC) ก่อนการเปลี่ยนแปลงในปี 2561 เพื่อให้ผู้ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้เข้าใจและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาก่อนได้สังเกตความแตกต่างและผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
  ผู้แนะนำการลงทุน (Investment Consultant, IC) หมายถึง
  ผู้ที่สามารถแนะนำ (ขาย) หลักทรัพย์ (ตราสารทุน ตราสารหนี้ กองทุน) และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ตราสารอนุพันธ์) ให้กับผู้ที่สนใจลงทุน (ซื้อ)
  ผู้ที่ต้องมีใบอนุญาตผู้แนะนำการลงทุน เช่น มาร์เก็ตติ้งหุ้น, พนักงานธนาคารหรือบริษัทหลักทรัพย์ที่แนะนำหน่วยลงทุนของกองทุนรวม, ตัวแทนประกันที่แนะนำประกันแบบควบการลงทุน ฯลฯ
  ผู้แนะนำการลงทุน ในปัจจุบัน แบ่งออกเป็นหลายประเภท แต่ ที่สำคัญจะมี 2 ประเภทคือ
  ผู้แนะนำการลงทุน “ด้านหลักทรัพย์” คือ แนะนำ ตราสารทุน + ตราสารหนี้ + กองทุน ได้
  ผู้แนะนำการลงทุน “ด้านตลาดทุน” คือ แนะนำ ตราสารทุน + ตราสารหนี้ + กองทุน + ตราสารอนุพันธ์ ได้
   
  ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2561 เป็นต้นไป จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร?
  
  ผู้แนะนำการลงทุน (IC) จะถูกจัดแบ่งตาม ประเภทของผลิตภัณฑ์ที่แนะนำได้
  ซึ่ง ผลิตภัณฑ์ จะถูกแบ่งเป็น
  1) ผลิตภัณฑ์ ตราสารทั่วไป หมายถึง ตราสารทุน/หุ้น, กองทุนรวม และ ตราสารหนี้ ที่มีลักษณะ “ไม่ซับซ้อน”
  2) ผลิตภัณฑ์ ที่มีความเสี่ยงสูง หรือ มีความซับซ้อน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ
       2.1) กองทุนรวม หรือ ตราสารหนี้ ที่มีลักษณะ “ซับซ้อน”
       2.2) สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ตราสารอนุพันธ์)
   
  ข้อสังเกต
  ก่อนหน้านี้ หลักทรัพย์ ไม่ได้แบ่งประเภทว่า ซับซ้อน หรือ ไม่ซับซ้อน
  ตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นไป
  ตราสารทุน/หุ้น จะถูกจัดว่าเป็น ตราสารทั่วไป ในข้อ 1) เท่านั้น
  ขณะที่ กองทุนรวม และ ตราสารหนี้ จะแบ่งออกเป็น 
  กลุ่มที่มีลักษณะ “ไม่ซับซ้อน” ในข้อ 1) และ “ซับซ้อน” ในข้อ 2.1)
  ส่วนเรื่องที่ว่า ซับซ้อนเป็นอย่างไร มีรายละเอียดอย่างไรบ้าง ดูที่ภาคผนวก ท้ายบทความนะครับ
  
  เมื่อกำหนดลักษณะของผลิตภัณฑ์แล้ว มีการจัด IC เป็น 4 แบบ คือ
  IC Plain สามารถแนะนำ ผลิตภัณฑ์ในข้อ 1) ได้
  IC Complex 1 สามารถแนะนำ ผลิตภัณฑ์ใน ข้อ 1) และ 2.1) และ 2.2) ได้
  IC Complex 2 สามารถแนะนำ ผลิตภัณฑ์ใน ข้อ 1) และ 2.1) ได้
  IC Complex 3 สามารถแนะนำ ผลิตภัณฑ์ใน ข้อ 1) และ 2.2) ได้
   
  ข้อสังเกต 
  IC Complex 1 คล้ายกับ IC ด้านตลาดทุน
  IC Complex 2 คล้ายกับ IC ด้านตลาดหลักทรัพย์ 
  เพียงแต่ว่า ตราสารหนี้ กับ กองทุนรวม จะมีการจัดแบ่งประเภทย่อยเป็นแบบไม่ซับซ้อนและซับซ้อน
   
คนที่ยังไม่มีใบอนุญาตใดๆ เมื่อเข้าปี 2561 แล้ว จะต้องสอบอะไรบ้าง?
   
  ข้อสอบมี 3 ฉบับ คือ P1, P2, P3 
  มีรายละเอียดดังนี้
   
  Plain Products: Full Paper (P1)
  จำนวน 100 ข้อ ให้เวลา 2 ชั่วโมง 30 นาที ค่าสอบ 1,200 บาท
  เนื้อหาประกอบด้วย
  หมวดที่ 1 ความรู้พื้นฐาน                                                              30 ข้อ
  หมวดที่ 2 กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องและการให้คำแนะนำการลงทุนที่เหมาะสม          20 ข้อ
  หมวดที่ 3 ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์การลงทุน: ตราสารทั่วไป                      50 ข้อ
  เกณฑ์การสอบผ่าน 70% ของคะแนนรวม และ 70% ของหมวดที่ 2
   
  Complex Products : Bond and Mutual Fund (P2)
  จำนวน 25 ข้อ ให้เวลา 40 นาที ค่าสอบ 850 บาท
  เนื้อหาประกอบด้วย
  1) ตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงสูงหรือมีความซับซ้อน                                     10 ข้อ
  2) กองทุนรวมที่มีความเสี่ยงสูงหรือมีความซับซ้อน                                   10 ข้อ
  3) การให้คำแนะนำการลงทุน                                                             5 ข้อ
  เกณฑ์การสอบผ่าน 70% ของคะแนนรวม
   
  Complex Products : Derivatives (P3)
  จำนวน 50 ข้อ ให้เวลา 80 นาที ค่าสอบ 950 บาท
  เนื้อหาประกอบด้วย
  1) ภาพรวมเกี่ยวกับสัญญาซื้อขายล่วงหน้า                                                            12 ข้อ
  2) ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับสัญญาฟิวเจอร์                                                             20 ข้อ
  3) ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับสัญญาออปชัน                                                              8 ข้อ
  4) กลไกการซื้อขายในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า                                                   5 ข้อ
  5) ลักษณะและเงื่อนไขของสินค้าในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า                                     5 ข้อ
  เกณฑ์การสอบผ่าน 70% ของคะแนนรวม
  
  ถ้าต้องการเป็น IC Plain (ตราสารทั่วไป) 
  ต้องสอบ P1
  ถ้าต้องการเป็น IC Complex 1 (ตราสารทั่วไป + ตราสารหนี้/กองทุน ซับซ้อน + ตราสารอนุพันธ์) 
  ต้องสอบ P1 + P2 + P3
  ถ้าต้องการเป็น IC Complex 2 (ตราสารทั่วไป + ตราสารหนี้/กองทุน ซับซ้อน) 
  ต้องสอบ P1 + P2
  ถ้าต้องการเป็น IC Complex 3 (ตราสารทั่วไป + ตราสารอนุพันธ์) 
  ต้องสอบ P1 + P3
   
  คนที่มี IC อยู่แล้วจะมีผลกระทบอย่างไรบ้าง?
   
  ทบทวนกันก่อนว่า โครงสร้างใหม่เป็นอย่างไร (P1, P2, P3 คือข้อสอบ)
  IC Plain = ตราสารทั่วไป (P1)
  IC Complex 1 = ตราสารทั่วไป (P1) + ตราสารหนี้ กองทุน ซับซ้อน (P2) + ตราสารอนุพันธ์ (P3)
  IC Complex 2 = ตราสารทั่วไป (P1) + ตราสารหนี้ กองทุน ซับซ้อน (P2)
  IC Complex 3 = ตราสารทั่วไป (P1) + ตราสารอนุพันธ์ (P3)
  
  ผู้ที่มี IC อยู่แล้ว เมื่อเข้าปี 2561
  ผู้แนะนำการลงทุน “ด้านตลาดทุน” จะกลายเป็น IC Complex 1 ชั่วคราว
  ถ้าต้องการเป็นแบบถาวร จะต้องเข้า อบรมหลักสูตรที่กำหนด 9 ชั่วโมง ภายในปี 2563
  ผู้แนะนำการลงทุน “ด้านหลักทรัพย์” จะกลายเป็น IC Complex 2 ชั่วคราว
  ถ้าต้องการเป็นแบบถาวร จะต้องเข้า อบรมหลักสูตรที่กำหนด 6 ชั่วโมง ภายในปี 2563
   
  ถ้าไม่อบรมภายในปี 2563 ทั้งคู่จะกลายเป็น IC Plain
  ถ้าต้องการเป็น IC Complex 1 ต้องไปสอบ P2, P3 เพิ่มเติม
  ถ้าต้องการเป็น IC Complex 2 ต้องไปสอบ P2 เพิ่มเติม
  ถ้าต้องการเป็น IC Complex 3 ต้องไปสอบ P3 เพิ่มเติม
   
  ข้อสังเกต
  คนที่มีใบอนุญาตเดิมอยู่แล้ว ถ้าไม่ต้องการสอบเพิ่ม ต้องเข้าอบรมให้ครบกำหนดภายในปี 2563
  
  หวังว่าข้อมูลที่สรุปไว้ในบทความนี้จะสร้างความกระจ่างให้กับผู้ที่สนใจนะครับ หากมีคำถามเพิ่มเติมอย่างไร สามารถติดต่อไปที่ CMSK Academy ได้ทาง 
  Fanpage: www.facebook.com/cmsktraining
  Line ID: cmsktraining
   โทรศัพท์: 092-270-2115
   
  ภาคผนวก
  ผลิตภัณฑ์ที่มีความซับซ้อนตามที่ TSI ยกตัวอย่างในเอกสารเผยแพร่
  กองทุนรวมซับซ้อน ได้แก่ 
  High Yield Bond Fund, กองทุนรวม Complex Return, Hedge Fund, กองทุนรวมทองคำ/น้ำมัน ที่ไม่ได้ Track Spot, กองทุนรวมที่มีการลงทุนแบบซับซ้อน (exotic derivatives)
  ตราสารหนี้ซับซ้อน ได้แก่
  Perpetual Bond, Non-Investment Grade Bond, Unrated Bond, Hybrid Bond, ตราสาร Basel III, Structure Notes
  สัญญาซื้อขายล่วงหน้า(ตราสารอนุพันธ์) ได้แก่
  Futures, Options, Swap							
						เรื่องควรรู้เกี่ยวกับ IC Plain และ Complex
							
								
								 19 ธ.ค. 2560								
							
							